De Beers โบกมือลา Lightbox ปรับแผนใหม่ หันกลับสู่เพชรธรรมชาติ

แม้ว่า De Beers จะมีเทคโนโลยีผลิตเพชรสังเคราะห์มานานหลายสิบปี แต่ก่อนหน้านี้บริษัทใช้เพชรเหล่านั้นเพื่อวัตถุประสงค์ด้านอุตสาหกรรมเท่านั้น จนกระทั่งในปี 2018 ท่ามกลางกระแสความนิยมเพชรสังเคราะห์ที่เพิ่มขึ้น De Beers ได้เปิดตัวแบรนด์ Lightbox โดยตั้งใจจะสร้าง “ความแตกต่างอย่างชัดเจน” ระหว่างเพชรธรรมชาติกับเพชรจากห้องแล็บ และขายในราคาต่ำกว่าตลาด เพื่อเน้นว่าเพชรสังเคราะห์คือสินค้าแฟชั่น ไม่ใช่ของหมั้นหรือเครื่องประดับหรูในระยะยาว Lightbox วางราคาต่อกะรัตไว้ที่ 800 ดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าราคาในตลาดอย่างเห็นได้ชัดในขณะนั้น ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป ราคาขายส่งของเพชรสังเคราะห์กลับร่วงลงถึง 90% ทำให้ความต่างระหว่างเพชรธรรมชาติกับเพชรแล็บยิ่งเด่นชัดมากขึ้น

Al Cook ซีอีโอของ De Beers กล่าวว่า “การลดลงของมูลค่าเพชรสังเคราะห์ในตลาดเครื่องประดับอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงความแตกต่างที่ชัดเจนขึ้นระหว่างเพชรธรรมชาติกับของที่ผลิตจากโรงงาน” พร้อมย้ำว่าการปิดแบรนด์ Lightbox เป็นส่วนหนึ่งของการกลับไปโฟกัสที่หัวใจของแบรนด์: เพชรธรรมชาติ

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือการแข่งขันในตลาดเพชรแล็บที่รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะจากจีนที่มีต้นทุนการผลิตต่ำ รวมถึงผู้ค้าปลีกรายใหญ่ในสหรัฐฯ อย่างซูเปอร์มาร์เก็ตที่เริ่มจำหน่ายเครื่องประดับเพชรแล็บราคาย่อมเยา ซึ่งส่งผลให้ราคาตกต่ำอย่างต่อเนื่อง

แม้เพชรสังเคราะห์จะมีจุดเริ่มต้นตั้งแต่ปี 1954 ด้วยเทคโนโลยีแรงดันและอุณหภูมิสูง (High Pressure, High Temperature) จนกลายเป็นกระแสนิยม โดยเฉพาะในแวดวงแหวนหมั้น—ปี 2022 มีถึงหนึ่งในสามของแหวนหมั้นที่ใช้เพชรแล็บ—แต่ด้วยทิศทางราคาที่ลดฮวบ อุตสาหกรรมเครื่องประดับอาจกำลังเผชิญความเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่อีกครั้ง